OS Winner (Yoonwoo) Smile my love - OS Winner (Yoonwoo) Smile my love นิยาย OS Winner (Yoonwoo) Smile my love : Dek-D.com - Writer

    OS Winner (Yoonwoo) Smile my love

    รอยยิ้มของนาย มีค่ามากกว่าอะไร ยิ้มบ่อยๆแค่ยิ้มบ่อยๆ ยิ้มแบบนี้บ่อยๆได้มั้ย

    ผู้เข้าชมรวม

    758

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    758

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    12
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ก.พ. 58 / 12:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    สวัสดีรีดเดอร์ทู้กคนน เรื่องนี้เป็นฟิคสั้น Yoonwoo (Seungyoon x Jinwoo)นะ

    บอกเลยไรต์ชิปคู่นี้ จะแต่งแต่คู่นี้ เพราะฟิคคู่นี้น้อยมาก ไรต์เลยแต่งสนองนี้ดตัวเองซะเลย 55555

     

     

     

    ยิ้มเถอะนะ รอยยิ้มสดใสของนาย อย่าเก็บไว้เลย เอาออกมาเถอะ ยิ้มแบบนี้ไปทุกวันนะ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      OS (Yoonwoo) : Smile my love

       
       

      แขนเรียวสองข้างกอดตัวเองท่ามกลางลมหนาว มือเล็กถูไถไปมาเพื่อให้เกิดไอร้อนขึ้น สองข้างทางประดับไฟหลากหลายสี หิมะขาวโพลนปกคลุมแทบทุกที่บนถนน

       

      วันนี้มันก็แค่วันวันนึงในฤดูหนาว คู่รักมากคู่เดินโอบกอดสวนกันไปมา เพียงเห็นแค่นั้น แต่ความอบอุ่นของคู่รักทั้งหลายนั้นก็ไม่ได้ส่งผ่านมาทำให้ร่างเล็กนี้อุ่นขึ้นเลย

       

      อยู่ไหนเนี่ย นานไปแล้วนะ ฟู่วว

       

      ฝ่ามือเรียวเล็กสองข้างยกขึ้นมาเสียดสีกันอีกรอบเพื่อให้เกิดไอร้อน ถ้าขืนนานกว่านี้ได้ถูจนไฟลุกแน่

       

      คิมจินวู ติวเตอร์ภาษาอังกฤษจำเป็น เขามายืนรอลูกศิษย์คนสำคัญและคนเดียวของเขานานแล้ว หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์ของอีกฝ่ายบอกให้รีบมา จินวูก็รีบตรงดิ่งมารอทันที แต่ลูกศิษย์ของเขาน่ะสิ ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะมาสักที

       

      มาแล้วว

       

      ทำไมช้าแบบนี้

       

      ขอโทษ ก็แม่อ่ะดิ คิดว่าจะออกมาเที่ยวเล่นข้างนอก เลยกักตัวไว้ไม่ยอมให้ไปไหน

       

      แล้วนี่ออกมาได้ไง

       

      ปีนหน้าต่างอ่ะ

       

      คนตัวสูงกว่ายืนเกาหัวแก้เขินกับการกระทำบ้าบิ่นของตัวเอง

       

      ซึงยุน รุ่นพี่ปีนึงของจินวู เขาเป็นนักร้องของค่ายเพลงชื่อดัง ช่วงที่ทำอัลบัมทำให้เขาไม่ได้มาเรียนที่โรงเรียนเลยหนี่งปีเต็มๆ ซึงยุนเลยต้องซ้ำชั้น และทักษะภาษาอังกฤษของเขาก็อ่อนมากๆ ปีหน้าซึงยุนต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยโซลแล้ว เขาเลยต้องขอความช่วยเหลือจากจินวู น้องชายข้างบ้าน ให้มาเป็นติวเตอร์จำเป็น

       

      จริงๆเลยนะ

       

      มือเล็กกระชับเสื้อโค้ทสีน้ำตาลอ่อนให้แน่นขึ้นเพราะลมหนาวได้พัดมากระทบร่างอีกรอบแล้ว

       

      อากาศหนาวแบบนี้แล้วทำไมม่เอาผ้าพันคอมา นายนี่นะ เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี

       

      ก็ผมรีบ กลัวมาสอนฮยองไม่ทันไง เห็นฮยองบอกรีบมา ผมก็รีบจนลืมเลยเนี่ย อ้ะ..”

       

      คนตัวสูงกว่าถอดผ้าพันคอสีม่วงของตัวเองออกมา เอื้อมมือไปรอบคอจินวูและบรรจงพันให้คนตัวเล็กอย่างอบอุ่นที่สุดพร้อมเขกหัวหนึ่งทีด้วยความมันเขี้ยว

       

      ขี้ลืม

       

      อื้อ

       

      ผ้าพันคอปิดมิดชิดตั้งแต่คอมาจนถึงปาก โผล่เพียงแค่จมูกมนให้คตัวเล็กได้หายใจเท่านั้น พวงแก้มใสค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่าเพราะลมหนาวหรือไออุ่นจากคนตัวสูงกว่ากันแน่

       

      แล้ววันนี้จะให้สอนที่ไหน ที่เดิมคนมันเต็มแล้วอ่ะ ดูดิ ไม่มีที่ว่างเลยเนี่ย

       

      พูดพลางชี้ไปยังสถานที่ที่เขาทั้งสองเคยมา

      ร้านกาแฟ Coffee IC ที่ตอนนี้พลุกพล่านไปด้วยคนมากหน้าหลายตา แน่ล่ะ วันี้วันคริสต์มาส คนต้องออกมาเที่ยวสังสรรค์รับความสุขเยอะอยู่แล้ว

       

      ไปที่บ้านไม่ได้หรอฮยอง

       

      ยู่ปากแล้วส่งแววตาออดอ้อนให้คนตัวสูง ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกครั้งที่นัดติวกันต้องออกมาข้างนอกทุกที ทำไมไม่ติวที่บ้าน

       

      มะ ไม่ ไม่ได้

       

      ก็ลำบากผมทุกทีเลยมั้ยอ่ะ คอยหาที่ คอยจัดตารางเรียน ดูดิ ค่าจ้างก็ไม่ได้ ไหนยังต้องมาคอยรับมือกับลูกศิษย์หน้าบานอีกเนี่ย เฮ้ออ

       

      คนตัวเล็กกอดอกหน้านิ่วค้วขมวดและเม้มปากเข้าหากัน สีหน้าหวานเริ่มเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

       

      ยิ้มหน่อยสิ

       

      ไม่

       

      น่านะ ยิ้มหน่อย

       

      ไม่ อื้ออออ

       

      มือเรียวจับแก้มนิ่มสองข้างของจินวูแล้วดึงยืดเข้ายืดออกราวกับเป็นของเล่น จินวูยู่หน้าด้วยความเจ็บสะบัดหน้าออกจากมือเรียวแล้วหันหลังเดินไปอีกทาง

       

      งั้นวันนี้ไม่เรียนวันนึงละกัน

       

      อ้ะ เดี๋ยวสิ

       

      ซึงยุนไม่ฟังค้ามของคนตัวเล็ก มือหญ่รวบข้อมือเล็กของจินวูไว้แน่นแล้วพาเดินข้ามไปยังอีกฟากหนึ่งของถนน

       

      จะพาผมไปไหน

       

      ไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก

       

      ปล่อยมือผม

       

      ไม่ปล่อย เดี๋ยวนายหลงอีกเหมือนคราวที่แล้วทำไงอ่ะ ฉันเกือบต้องคอยตามหาทั่วโซลเลยนะรู้มั้ย

       

      ขี้เว่อร์

       

      คนตัวเล็กที่ข้อมือถูกกอบกุมจากมือที่ใหญ่กว่าเดินหน้านิ่วขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ ให้เขามายืนรอท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ ค่าจ้างสอนก็ไม่ได้ แล้วนี่ยังต้องโดนบังคับไปไหนอีก จินวูนะจินวู ชาติที่แล้วนายทำเวรทำกรรมอะไรมา

       

      เห้ย จินวูดูดิ

       

      อะไรอีก

       

      ร้านเสื้อผ้าคอสเพลย์ร้านใญ่ตั้งตระหง่านอยู่ริมถนน น่าแปลกที่เป็นช่วงเทศกาลแต่คนกลับน้อย ซึงยุนไม่รอช้ารีบจูงมือคนตัวเล็กเข้าร้านทันที

       

      ยินดีต้อนรับครับ สนใจลองตัวไหนเป็นพิเศษสอบถามได้เลยนะครับ

       

      ทีนทีที่เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น พนักงานใส่ชุดทักสิโด้หูกระต่ายสีแดงสามคนรีบมายืนต้อนรับพร้อมพูดประโยคทักทายเดิมๆที่ทุกร้านเสื้อผ้าต้องพูดประจำ สีหน้ากระตือรือร้นในการต้อนรับลูกค้าของพนักงานทั้งสามนั้นทำให้ซึงยุนดูเกรงใจ เขาเพียงแค่เดินผ่านร้านนี้ทุกวัน และฝันอยากเข้ามาสักครั้ง เพียงแค่อยากลองใส่ ไม่ได้อยากซื้อ ความคิดพวกนี้พนักงานคงรู้อยู่แล้ว เพียงแต่ที่ทำไปก็เพราะหน้าที่ที่ต้องแลกด้วยเงินเดือนของพวกเขา

       

      อ่า เอ่อผมขอดูไปเรื่อยๆก่อนนะฮะ

       

      ครับผม

       

      ราวกับร้านนี้เป็นของซึงยุน เขากึ่งเดินกึ่งกระโดดไปมา หยิบเสื้อผ้าตัวนู้นทีตัวนี้ที ท่าทางมีความสุขของซึงยุนตอนนี้น้อยคนที่จะเห็นได้ ปกติเวลาอยู่บนเวทีจะเป็นมาดเงียบขรึมสุขุมกระชากใจสาวๆมากกว่า ใครจะคิดล่ะว่าพอลงเวทีมาแล้วจะเป็นแบบนี้

       

      รอตรงนี้แปปนึงนะ

       

      ซึงยุนปล่อยข้อมือจินวู เดินไปหยิบชุดบนราวเหล็กแล้วรีบเดินเข้าห้องเปลี่ยนชุดไป

       

      อ่ะ…”

       

      จินวูกำลังสำรวจชุดในตู้กระจก สิ้นเสียงพูดซึงยุน พอหันไปก็ไม่เจอเจ้าตัวแล้ว อะไรมันจะเร็วขนาดนั้น นี่คนหรือเครื่องบินไอพ่น ส่ายหน้าน้อยๆให้ความไร้เดียงสาของรุ่นพี่ แล้วหาที่นั่งรอคนในห้องที่กำลังเปลี่ยนชุดอยู่

       

      เสร็จแล้ว

       

      ซึงยุนในชุดเจ้าสาวเดินออกจากห้องลองชุด กระโปรงยาวสีขาว ผ้าลูกไม้อ่อนสีขาวคลุมตั้งแต่หัวมาจนถึงหน้าผาก เกาะอก จั้มพ์เอว สายเดี่ยวเผยให้เห็นเนื้อสีขาวนวล ซึงยุนเอามือท้าวสะเอวเชิดหน้าโพสต์ท่าอย่างมั่นใจ ด้วยความที่ซึงยุนผอม อะไรๆมันก็ดูจะลงตัวไปซะหมด ถ้าไม่มองลงมาดูข้างล่างนะ อื้อหือ ขนหน้าแข้ง มิหนำซ้ำยังไม่พอ ใส่ส้นสูงสีขาว5นิ้วประดับกากเพชรอีก ซึงยุน นายเป็นอะไรของนาย

       

      คิก คิก คิกๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆ

       

      โอ้ยฮยอง เลือกชุดถูกแล้วใช่มั้ย อะไรเนี่ย แล้วใส่ส้นสูงทำไม ฮ่าๆๆๆๆๆ

       

      จากตอนแรกยิ้มน้อยๆ กลายเป็นกลั้นขำและระเบิดเสียงหัวเราะมาในที่สุด จินวูหัวเราะเสียงดังลั่นร้าน เอามือกุมท้อง กลิ้งตัวไปมาบนโซฟา

       

      น่าขำตรงไหน อะไรกัน ออกจะเซกซี่ยั่วยวน

       

      โอ้ย ฮ่าๆๆ เอาสมองส่วนไหนคิดฮะฮยอง ไปเปลี่ยนกลับเลย ชุดนี้ไม่ไหวอ่ะจริงๆ ไปเลยๆ

       

      สิ้นคำสั่งของจินวูร่างสูงก็หายวับเข้าห้องลองชุดไป

       

      เวลาล่วงเลยผ่าน แสงพระอาทิตย์สีส้มอ่อนเริ่มจางหายไปม่าเมฆสีน้ำเงินเข้มเริ่มเข้ามาแทนที่ ไม่รู้ว่าชุดเจ้าสาวที่ใสส่มันถอดยากหรือใส่ชุดเดิมไม่ได้กันแน่ ด้วยความเบื่อหน่าย มือเล็กหยิบไอโฟนสีขาวเคสลายกระต่ายสีดำขึ้นมาสไลด์เปิดแอพทวิตเตอร์เล่นฆ่าเวลาไปพลาง

       

      ดวงตากลมโตเหม่อมองอกหน้าต่าง ละอองหิมะกลุ่มน้อยค่อยๆร่วงหล่นทีละนิด จริงๆตอี้เขาควรได้กินไก่งวง ผิงเตาไฟอุ่นๆอยู่บ้านกับครอบครัวแล้ว ทำไมจะต้องทนออกมาหนาวเหน็บนอกบ้านด้วยก็ไม่รู้

       

       

       

      จีนู จีนูซัง

       

       

       

      จีนูจูจีนูจีนูจีนู

       

      หันหน้าไปทางต้นเสียงแต่ก็ไม่เจอใคร

       

      เห้ย

       

      ซึงยุนในชุดเด็กอนุบาลสีฟ้าผ้ากันเปื้อนสีเหลือง นั่งชันเข่าสะพายตะกร้าสานสีน้ำตาลพร้อมขวดนมในมือ มือขวาสะกิดเข่าจินวูแล้วทำเสียงออดอ้อนราวกับตัวเองไปเด็ก

       

      ทำอะไรของฮยองเนี่ย บอกให้ไปเปลี่ยนชุดเดิมกลับไง

       

      ใครคือฮยอง เค้าซึงยุนอนุบาลสามห้องทานตะวันไง

       

      ยัง  ยังไม่บ บีบเสียงให้เล็กลงแล้วทำท่าทางแอ๊บแบ๊วตามสไตล์เด็กอนุบาล ซึงยุนยังสนุกกับบทบาทในเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่อยู่ไม่หยุด

       

       

      เล่นไม่หยุดใช่มั้ย

       

      จินวูลุกพรวดจากโซฟาเดินไปหลังร้าน สีหน้าตอนเดินไปนั้นดูไม่ดีเอามากๆ ซึงยุนดันตัวเองลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา งับริมฝีปากล่าง สายตากวัดแกว่งเป็นกังวล

      เขาทำให้จินวูรำคาญงั้นหรอ

      ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาหัวซึงยุน อยากขอโทษแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งรอให้เจ้าตัวอารมณ์เย็นกว่านี้แล้วออกมาเอง

       

       

      เวลาผ่านไปนานมากแล้วแต่จินวูก็ยังไม่ออกมาสักที ปากซีดเหงื่อตก ใจเริ่มต้ไม่เป็นจังหวะ วันนี้เขาคงรบกวนเวลาส่วนตัวของจินวูมากไปจริงๆ เวลานี้ทั้งเขาและจินวูควรได้ฉลองเทศกาลคริสต์มาสกับครอบครัว กลิ่นอาหาร เสียงหัวเราะ รอยยิ้มของคนที่รักต่างหากที่จินวูควรได้รับ ไม่ใช่ความรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายแบบนี้

       

       

      ซึงยุน

       

      ขะ ขอโทษจินวู ฮยองจะไม่รบกวนนายอีกแล้ว กลับบ้านกันเถอะนะ ยกโทษให้ฮยองด้ว….”

       

      พูดไม่ทันจบประโยคซึงยุนก็ต้องอ้าปากค้างทันทีที่ได้เงยหน้ามามองบุคคลที่ตนสนทนาด้วย

       

      คิมจินวูในชุดเมดสีขาวดำ บนหัวมีที่คาดผมหูกระต่ายและมิหนำซ้ำยังใส่วิกหน้าม้าสีน้ำตาลอ่อนอีก อ๋อ มิน่าล่ะทำไมถึงไปหลังร้าน คงไปขอวิกจากพนักงานมาแน่ๆ เพราะที่ราวเสื้อผ้าไม่เห็ฯมีแขวนไว้

       

      ถอนหายใจเพราะค่อยยังชั่วจากเหตุการณ์ที่ตัวเองคาดเดาไว้เมื่อครู่ จากหน้าซีดเริ่มมีสีเลือดฝาดขึ้นอีกครั้ง สถานการณ์เริ่มกลับมาปกติเหมือนเดิม

       

      ว่าไงคะน้องซึงยุน สนใจรับนมสักแก้วมั้ยคะ

       

      บีบเสียงให้เล็กลงตามซึงยุน เดินแอ่นอกเชิดหน้าเข้ามาใกล้แล้วทำเสียงออดอ้อน

       

      ซึงยุนไม่ตอบ เงียบและยังคงอ้าปากค้างท่าเดิมเอาไว้จนจินวูต้องเอานิ้วชี้ดันริมฝีปากล่างที่ห้อยให้กลับขึ้นไปอยู่ในรูปเดิม

       

      จินวู นะ นายเป็นผู้หญิงปลอมตัวมาใช่มั้ย

       

      พูดเสียงตะกุกตะกักเพราะไม่เชื่อในสายตาตัวเอง ยื่นมือขวาไปจับหน้าอกคนตรงหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆ

       

      ส่งยิ้มหวานยั่วยวน ยู่ปากและทำตาหวานมาให้ ซึงยุนกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับสถานการณ์ตรงหน้า แต่อารมณ์เคลิ้มั้นก็ต้องหยุดลงเพราะสายตาที่เปลี่ยนกลับมาดุและน้ำเสียงที่กลับมาแข็งกระด้างเหมือนเดิม

       

      พอเถอะฮยอง ไร้สาระไปใหญ่ละ นี่อะฟองน้ำ ละผมก็แมนแท้ด้วย ไป กลับบ้านได้แล้ว

       

      อ่ะ อ่าๆ

       

       

       

       

      ขาเรียวยาวสองคู่เดินทอดน่องตามมทางเท้า ลมเย็นพัดผ่านร่างทั้งสอง จินวูกระชับเสื้อโค้ทอีกครั้ง มือจวามจิ้มกินต๊อกบกกี้ที่อยู่ในมือหลังจากแวะซื้อตอนออกจากร้านคอสเพลย์นั่นมา ความเงียบครอบงำคนทั้งสอง เสียงฮัมเพลงอย่างสบายใจชองซึงยุนยังพอช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นมาบ้าง

       

      ฮยอง

       

      ว่าไง

       

      ถามไรหน่อยดิ

       

      เป็นคนตัวเล็กที่เป็นฝ่ายเอ่ยทำลายกำแพงความเงียบลง

       

      ทำไมเวลาผมจะติวให้ฮยองจะต้องออกมานอกบ้านตลอดเลยอ่ะ ทำไมไม่ติวในบ้าน นี่ผมสงสัยจริงๆนะ

       

      อืม..”

       

      ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องก็ได้

       

      ก็

       

       

      ฉันอยากให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวฉันน่ะสิ ฮยองรู้ว่าตัวเองมันมีดีแค่ร้องเพลงไปวันๆ แต่ทำไงได้อ่ะ ก็พ่อแม่อยากให้เข้ามหาลัยโซล มันอยากฮยองรู้ ฮยองก็พยายามแล้วนะ พยายามแล้วแต่มันไม่เข้าหัวสักที

       

      ฮยองอยากให้พ่อแม่เข้าใจว่าตัวเองสอบติดเพราะอ่านหนังสือเอง อยากให้เข้าใจอย่างนั้น อยากให้เขาสองคนภูมิใจว่าฮยองก็ทำสำเร็จด้ววยตัวเองนะ ไม่ต้องพึ่งใคร แต่ความจริงมันไม่ใข่ ฮยองทำด้วยตัวเองไม่ได้ เลยต้องให้นายเป็นตัวช่วยของพี่นี่ไง

       

      ดวงตากลมโตจ้องมองคนตัวสูงอย่างพิจารณา หัวคิ้วขมวดเข้าหากันโดยไม่ได้ตั้งใจ เปล่าเลยเขาไม่ได้เครียด เพียงแต่จินวูไม่เคยเห็นแววตามุ่งมั่นและตั้งใจในตัวรุ่นพี่หน้าบานคนนี้มาก่อน

       

      เห้ย ทำหน้าเครียดทำไม

       

      ห้ะ เปล่า

       

      มาปล่งมาเปล่า คิ้วนี่ขมวดกันจนจะมัดได้อยู่ละ ฮยองไม่น่าพานายมาเครียดเรื่องของฮยองเลย ฮ่ะๆ

       

      นิ้วหัวแม่มือเรียวสองข้างยกขึ้นมานวดหัวคิ้วของคนตัวเล็ก

       

      อื้อ พอแล้ว ไม่ใช่เด็กแล้วนะ

       

      ปัดมือที่นวดออกแล้วเดินนำหน้าซึงยุนไปอย่างรีบเร่ง คงเพราะความเขินอายจากการการกระทำนิ่มนวลของรุ่นพี่ตัวสูงเมื่อครู่ ทำให้เขินอายจนหัวใจเต้นไม่เป็นปกติ

       

       

       

      ฝืด ครืด ฝืด

       

      เสียงเดินลากเท้าผิดปกติของคนข้างหน้าทำให้ซึงยุนก้มมองดูด้วยความสงสัย

       

      จินวู เท้านายเป็นอะไร

       

      ปะ เปล่านี่ รีบเดินเหอะ หนาวจะตายอยู่ละ

       

      ท่าทางเดินขากะเผลกของจินวูทำให้ซึงยุนอดสงสัยไม่ได้ว่าจินวูเป็นอะไร ด้วยความสงสัยนั่น มือใหญ่จับแขนเรียวเล็กให้หยุดดแล้วเดินไปนั่งที่ม้านั่งสีน้ำตาลข้างทาง

       

      เท้าเป็นอะไร

       

      คนตัวเล็กส่ายหน้าแทนคำตอบ  ซึงยุนก้มมองที่เท้าของคนตัวเล็ก รองเท้าผ้าใบสีแดงมีดาวติดข้างขวา คู่นี้เขาจำได้ว่าเขาซื้อหิ้นวูเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อสองอาทิตย์ก่อน

       

      ยอมใส่แล้วหรอ

       

      พึมพำกับตัวเองพลางแกะเชือกและถอดรองเท้าเจ้ากรรมออก

       

      รองเท้ากัดนี่ ทำไมไม่บอกฮยอง

      จริงสิ เขาพาคนตัวเล็กตะลอนเดินไปไหนมาไหนด้วยทั้งวัน จินวูคงเจ็บมากแต่ทำไมไม่บ่นหรือบอกเขาสักคำ ยิ่งเห็นยิ่งนึกโทษตัวเอง แต่คนตัวเล็กก็งุดหน้าจนคางชิดอกและส่ายหน้าแทนคำตอบเหมือนเดิม

       

      ถ้ามันกัดก็ไม่ต้องทนใส่หรอก เท้านายจะพังหมด รู้มั้ย

       

      มือเรียวมัดเชือกรองเท้าสองข้างไว้ด้วยกันแล้วนำมาคล้องคอตัวเอง นั่งยองๆแล้วหันหลังให้จินวู

       

      มา

       

      หืม

       

      เถอะน่า ขึ้นมา ไม่ต้องกลัวตกหรอก

       

      ขาเล็กก้าวขึ้นคร่อมแผ่นหลังกว้างของซึงยุนอย่างระมัดระวัง

       

      ไปละนะ จับแน่นๆล่ะ

       

      ทันทีที่แขนเล็กโอบรอบคอซึงยุน ลมแรงและเย็นก็ได้พัดผ่านหน้าเรียวเล็กของจินวูไป

       

      ฟิ้ววว ฮ่าๆ

       

      วิ่งเร็วและเร็วขึ้น สองมือแกร่งโอบรอบเอวเล็กของจินวูไว้อย่างแน่นหนา เสียงหัวเราะน้อยๆค่อยๆดังขึ้นจากด้านหลัง

       

      คิกๆ อ้ะ ฮ่าๆ ฮ่าๆ

       

      เสียงหัวเราะไหลมาอย่างไม่หยุดสาย รอยยิ้มสดใสค่อยๆผุดขึ้นมาที่ใบหน้าหวาน เสียงหัวเราะที่ใครฟังคงจะมีความสุขตามไปด้วยไม่น้อย

       

      โอ้ย พอแล้วๆ เหนื่อยแล้วๆ

       

      พาตัวเองและร่างเล็กกลับมานั่งที่ม้านั่งเหมือนเดิม

       

      คิกๆ คิกๆ

       

      ยิ้มสักทีนะ

       

      ยิ้มนายสดใสมากเลยรู้มั้ย แค่นายยิ้มครั้งเดียว โลกของฮยองที่มันมืดมนมันก็กลับมาสดใสได้เหมือนมีพระอาทิตย์สิบดวงเลยล่ะ

       

      ฮยองขอโทษ

       

      “……”

       

      เครียดเพราะสอนฮยองมามากแล้ว ที่ทำไปวันนี้ก็เพราะอยากให้รอยยิ้มของนายกลับคืนมานั่นแหละ

       

      หน้านายน่ะเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าปากยื่นๆหน้าบูดหน้าบึ้งนะ รู้มั้ย

       

      ยิ้มบ่อยๆนะ

       

      นะ

       

      ไม่ต้องรอให้มือเรียวของซึงยุนเอื้อมไปจับแก้มแล้วดึงยืดออกเหมือนเดิม ฟันยาวขาว กีบริมฝีปากเรียวเล็กคลี่ยิ้มออก ไม่ใช่ยิ้มที่ฝืนหรือกลั้นใจทำ รอยยิ้มที่จริงใจถูกส่งมาให้ซึงยุน

       

      ภาพตรงหน้าเหมือนถูกวาดขึ้นในฝัน รอยยิ้มที่สดใสกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น เขาล่ะอยากจะเก็บภาพนี้ไว้ให้ตัวเองเห็นเพียงคนเดียวจริงๆ

       

      แบบเนี้ยแหละ น่ารักที่สุด

       

      ขยี้แก้มนิ่มสองข้าวด้วยหัวแม่มือจนคนตัวเล็กยู่หน้า แต่ก็กลับมาคลี่ยิ้มออกอีกรอบ

       

       

      ในคืนนี้ แสงจากดวงจันทร์และดวงดาวที่สะท้อนลงมาในแม่น้ำที่ว่าสวยแล้ว แต่ยังไงก็แพ้ภาพที่อยู่ตรงหน้าของซึงยุนตอนนี้ ดวงตากลมโตที่พอยิ้มแล้วกลับลู่ลงมาคล้ายสระอิ แววตาแห่งความสดใสไร้เดียงสา แก้มสองข้างขึ้นเป็นลูกใสกลมมนสีแดงระเรื่ออ่อน เสียงหัวเราะน้อยๆ และรอยยิ้มกว้าง ทุกอย่างที่เป็นตอนนี้ซึงยุนชอบหมด  ซึงยุนชอบ ชอบรอยยิ้มของคิมจินวู

       

       



       

      จบละฮะ งึ้ยยยยย อะไรที่ว่าหวานหอมก็ยังแพ้รอยยิ้มของคิมจินวูอ่ะเนอะ น่ารักจริงๆ

      ฟิคเรื่องนี้ไรต์ได้แรงบันดาลใจมาจากซิทคอมเรื่องไฮคิก 3 ที่ซึงยุนเล่นนั่นเอง ความสัมพันธ์ระหว่างจงซอกกับจีวอนน่ารักนะ เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่เวลาเข้าฉากทีไรไรต์เห็นแล้วอมยิ้มตามไปด้วยทุกที นี่แนะนำให้ไปดูเลย High Kick 3 มีบ้านทำซับไทยอยู่นะ ชื่อ IU Thailand แต่ยังทำไม่จบ ไรต์ก็ติดตามอีพีต่อไปอยู่ 5555

      งานWWICที่ญี่ปุ่น วินเนอร์แต่งคอสเพลย์ได้น่ารักมากกก ไรต์อดไม่ไหวเลยจับลงฟิคซะเลย 555

      เป็นฟิคสั้นเรื่องที่สองแล้วเนอะ ใครยังไม่เคยอ่านเรื่องแรก Love me love my plan กับฟิคยาว Just memories ก็ลองอ่านดูเนอะ เป็นฟิคใสๆ ฮี่ๆ

       

      ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะฮะ ขอบคุณทุกเม้นทุกแชร์ทุกวิวเลยย รักรีดเดอร์ทุกคนเลยนะ จู้บบบบ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×